วิล สมิธ (Will Smith) พระเอกหนุ่มใหญ่วัย 54 ปี เตรียมกลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้งหลังห่างหายไปจากวงการจอเงินนับตั้งแต่วีรกรรม “ตบบันลือโลก” กลางเวทีประกาศรางวัลออสการ์เมื่อปี 2022 ที่เจ้าตัวเดินขึ้นไปตบหน้า “คริส ร็อก” (Chris Rock) ดาราตลกชื่อดัง เนื่องจากไม่พอใจที่อีกฝ่ายเล่นมุกล้อเลียนภรรยาตัวเอง ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักและถูกค่ายหนังแบนไปนานกว่า 1 ปี โดยคาดกันว่าโปรเจกต์ต่อไปที่พระเอกผิวสีรายนี้จะร่วมแสดงก็คือ หนังแอคชั่นภาคต่อฟอร์มยักษ์อย่าง “Bad Boys 4” ของค่าย Sony นั่นเอง
วิล สมิธ ถูกแบนจากงานประกาศรางวัลออสการ์เป็นเวลา 10 ปี
ย้อนกลับไปในงานออสตาร์ 2022 วิล สมิธ (Will Smith) ได้สร้างวีรกรรมช็อคโลกด้วยการเดินขึ้นไปตบหน้านักแสดงรุ่นพี่อย่าง “คริส ร็อก” (Chris Rock) กลางเวทีประกาศรางวัล เนื่องจากไม่พอใจที่อีกฝ่ายเล่นมุกล้อเลียนทรงผมของ “เจดา พิงเก็ตต์ สมิธ” (Jada Pinkett Smith) ภรรยาของเขาที่ป่วยเป็นโรคผมร่วง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวแทบจะกลบข่าวที่เขาชนะรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีนั้นจากหนัง “King Richard” (2021) ไปเลย แม้ภายหลังเจ้าตัวจะออกมากล่าวขอโทษต่อการใช้ความรุนแรงของตัวเอง แต่เขาก็ถูกออสการ์แบนไม่ให้เข้าร่วมงานเป็นเวลา 10 ปี แถมยังถูกค่ายหนังแบนจนห่างหายจากการรับงานแสดงภาพยนตร์ไปนานกว่า 1 ปี
ล่าสุดมีรายงานว่า พระเอกวัย 54 ปี เตรียมกลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง โดยค่ายสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix กลับผลักดันโปรเจกต์หนัง “Fast and Loose” ของสมิธอีกครั้งหลังจากที่ต้องพับโครงการไว้ชั่วคราวจากเหตุการณ์ “ตบบันลือโลก” เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในเรื่องนี้เขาจะรับบทเป็นผู้นำองค์กรอาชญากรรมระดับโลกที่ถูกลอบสังหารจนสูญเสียความทรงจำไป รวมถึงค่าย Sony ที่ได้เปิดไฟเขียวให้สร้างหนังแอคชั่นภาคต่ออย่าง “Bad Boys 4” เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
ทั้งนี้ คาดกันว่า การที่ วิล สมิธ เลือกหวนคืนวงการจอเงินด้วยหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์อย่าง Fast and Loose และ Bad Boys 4 มีโอกาสที่จะทำให้ชื่อของเขากลับมาโด่งดังในฐานะนักแสดงสายแอคชั่น-คอมเมดี้ระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดอีกครั้งเหมือนกับตอนที่เขาเลือกพลิกบทบาทจากนักแสดงสายตลกในซีรีส์ “Fresh Prince of Bel-Air” (1990 – 1996) มาเป็นนักแสดงสายแอคชั่น-คอมเมดี้ในภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง “Bad Boys” (1995), “Independence Day” (1996) และ “Men in Black” (1997)
(ขอบคุณภาพประกอบจาก rollingstone.com และ gq-magazine.co.uk)
#ข่าวบันเทิง #วิลสมิธ #ดราม่า